พาราเซตามอล (Paracetamol) หรือที่เรียกกันโดยทั่วไปว่า “ยาพารา” เป็นยาที่รู้จักกันโดยทั่วไปว่า “ใช้สำหรับลดไข้บรรเทาปวด” เป็นยาที่หาซื้อได้ทั่วไปและเป็นที่นิยม อีกทั้งยังเป็นหนึ่งในยาสามัญประจำบ้าน ที่มักซื้อเก็บเอาไว้ใช้บรรเทาอาการไข้และอาการปวดในเบื้องต้น
สรรพคุณของ “ยาพาราเซตามอล”
- ใช้เพื่อบรรเทาหรือลดอาการไข้และตัวร้อน
- ใช้เพื่อบรรเทาอาการปวดทุกชนิด อาทิ ปวดหัว ปวดขา ปวดประจำเดือน เป็นต้น
พาราเซตามอล เป็นยาที่มีสรรพคุณในการลดไข้บรรเทาปวดเป็นหลัก มีฤทธิ์คล้ายกับยาด้านอักเสบที่ไม่ใช่สตีรอยด์ แต่จะมีฤทธิ์ที่ค่อนข้างอ่อนกว่ามาก จึงไม่ส่งผลให้เกิดอาการระคายเคืองในกระเพาะอาหาร อาการแพ้และอาการแทรกซ้อนอื่นๆ เหมือนกับยาแอสไพริน (Aspirin)
ดังที่ได้กล่าวไปในข้างต้นว่า พาราเซตามอล เป็นยาที่มีขายกันโดยทั่วไป จึงทำให้มีการผลิตยาพาราออกมาจำหน่ายอยู่หลายยี่ห้อด้วยกัน อาทิ ซารา ไทลีนอล พานาดอล พารามอล เป็นต้น และก็มีการผลิตยาพาราให้เหมาะสมกับการใช้งานออกมาอยู่ 3 รูปแบบด้วยกัน คือ
- ชนิดน้ำเชื่อม จำหน่ายเป็นขวด ซึ่งมักจะนิยมใช้ในเด็กซึ่งกินยายาก
- ชนิดเม็ด มักจะใช้กับผู้ใหญ่หรือกับเด็กที่โตแล้ว และสามารถกินยาเม็ดได้
- ชนิดฉีด มักจะใช้กันในโรงพยาบาล สาธารณสุขและคลินิกต่างๆ
วิธีใช้ “ยาพาราเซตามอล”
พาราเซตามอลชนิดกิน
อายุ / วัย | ขนาดยาที่ใช้ |
0-3 เดือน | 40 มก. (1.2 มล.) ต่อครั้ง |
4-11 เดือน | 80 มก. (3.4 มล.) ต่อครั้ง |
12-23 เดือน | 120 มก. (5 มล. หรือ 1 ช้อนชา) ต่อครั้ง |
2-3 ปี | 160 มก. (6.7 มล. หรือ ครึ่งเม็ด (ขนาดเม็ด 325 มก.) ) ต่อครั้ง |
4-5 ปี | 240 มก. (2 ช้อนชา หรือ ครึ่งเม็ด (ขนาดเม็ด 500 มก.) ) ต่อครั้ง |
6-8 ปี | 320 มก. (1 เม็ด (ขนาดเม็ด 325 มก.) ) ต่อครั้ง |
ผู้ใหญ่ | 500-1000 มก. (1-2 เม็ด (ขนาดเม็ด 500 มก. ) ) ต่อครั้ง |
การใช้ยาพาราเพื่อลดอาการไข้บรรเทาปวดนั้น ควรใช้ตอนที่มีอาการเท่านั้น และหากยังไม่หายก็ให้กินซ้ำได้ โดยให้เว้นระยะห่างระหว่างครั้งอยู่ที่ประมาณ 4-6 ชั่วโมง และสำหรับผู้ใหญ่ ไม่ควรรับประทานเกิน 4 ครั้งต่อวัน ส่วนเด็กไม่ควรเกิน 5 ครั้งต่อวัน
พาราเซตามอลชนิดฉีด
พาราเซตามอลชนิดฉีดนั้น มักจะไม่ได้ใช้กันโดยทั่วไป ส่วนใหญ่จะนำไปใช้ตามคลินิกและโรงพยาบาล โดยจะใช้เมื่อผู้ป่วยมีอาการไข้ค่อนข้างหนัก คลื่นไส้อาเจียน กินไม่ได้ โดยจะฉีดครั้งละ ครึ่งหลอด ถึง 1 หลอด สำหรับผู้ใหญ่ ส่วนเด็กจะฉีดให้ครั้งละ 1 ส่วน 4 ถึง ครึ่งหลอด
ข้อควรระวังและผลข้างเคียงจากการใช้ยาพาราเซตามอล
- ในผู้ใหญ่ ไม่ควรใช้ยาเกิน 4 ครั้งต่อวัน หรือไม่ควรเกิน 4 กรัมต่อวัน ส่วนในเด็กที่อายุต่ำกว่า 5 ปี ไม่ควรใช้ยาเกินวัน 5 ครั้ง หรือ ไม่ควรเกิน 1200 มิลลิกรัม
- การใช้งานเกินขนาด อาจทำให้เกิดโรคตับวายเฉียบพลันได้ เนื่องจากยาไปทำลายเซลล์ตับ ซึ่งอาจทำให้ถึงแก่ชีวิตหากเกิดอาการตับวายเฉียบพลัน
- การใช้ยาติดต่อเป็นเวลานาน อาจทำให้เกิดอาการไตอักเสบได้
- การใช้ยาเกินขนาดหรือใช้ยาติดต่อกับเป็นเวลานาน อาจส่งผลให้เกิดภาวะไตเรื้อรัง ซึ่งจะส่งผลให้เกิดภาวะไตวายเฉียบพลันได้เช่นกัน
- อาจทำให้เกิดอาการแพ้ เช่น ผื่นคัน ลมพิษ หอบหืด แต่ก็เป็นกรณีที่เกิดขึ้นน้อยมาก
- ห้ามใช้ยากับผู้มีประวัติเคยแพ้ยาและผู้ที่เป็นโรคตับหรือโรคไตวายระยะรุนแรง
หมายเหตุ : ในกรณีที่มีการพบเห็นหรือปรากฏว่ามีการใช้ยาพาราเซตามอลเกินขนาด ควรรีบทำให้อาเจียน โดยการใช้นิ้วล้วงคอ หรือใช้วิธีการอื่นๆ ที่จะช่วยให้อาเจียน เพื่อเป็นการลดปริมาณการดูดซึมยาของกระเพาะอาหาร และรีบนำโรงพยาบาลโดยด่วน
พาราเซตามอล (Paracetamol) เป็นยาที่สรรพคุณในการช่วยลดไข้บรรเทาปวด เป็นยาที่สามารถหาซื้อได้โดยทั่วไปและเป็นยาที่คนทั่วไปมักคิดว่า กินเองได้ไม่ต้องไปหาหมอ แต่การกิน “ยาพาราเซตามอล” เอง โดยไม่มีความรู้เกี่ยวกับยา (พาราเซตามอล) เลย ก็อาจเพิ่มความเสี่ยงที่อาจเกิดขึ้นจากการใช้ยาได้ ดังนั้นจึงควรใช้ยา (พาราเซตามอล) ตามคำสั่งแพทย์หรืออ่านรายละเอียดในการใช้ยา (พาราเซตามอล) ให้ดีก่อนที่จะใช้