แอสไพริน (Aspirin) เป็นยาที่หลายๆ คนคงคุ้นหูกันเป็นอย่างดี แต่คงมีไม่กี่คนที่รู้ว่ายาตัวนี้มีสรรพคุณอย่างไร ซึ่งไม่เหมือนกับพาราเซตามอลที่รู้จักกันเป็นอย่างดี ยาตัวนี้เป็นยาที่จัดอยู่ในกลุ่มยาต้านอักเสบที่ไม่ใช่สตีรอยด์มีฤทธิ์เหมือนกับยาตัวอื่นๆ ในกลุ่มยาแก้ปวดลดไข้
สรรพคุณของ “ยาแอสไพริน”
- ลดไข้ หรือ ลดอาการตัวร้อน
- ลดอาการปวดทุกชนิด อาทิ ปวดศีรษะ ปวดกล้ามเนื้อ ปวดหลัง ปวดข้อ เป็นต้น
- ต้านอาการอักเสบ (เป็นยาที่ไม่ใช่สตีรอยด์)
- ป้องกันการเกิดลิ่มเลือดในหลอดเลือดสมองและหัวใจ
วิธีใช้ “ยาแอสไพริน”
- ใช้เพื่อลดไข้ ผู้ใหญ่ให้รับประทานครั้งละ 2 เม็ด เมื่อมีอาการ และสามารถทานซ้ำได้หากยังไม่ดีขึ้น โดยให้เว้นระยะเวลาประมาณ 4-6 ชั่วโมง สำหรับผู้ที่อายุต่ำกว่า 19 ปี ไม่แนะนำให้ใช้เพื่อลดไข้
- ใช้เพื่อแก้ปวด ผู้ที่อายุมากกว่า 12 ปี ให้รับประทานครั้งละ 2 เม็ด ส่วนผู้ที่อายุ 6-12 ให้ทานเพียงแค่ ครึ่งเม็ด – 1 เม็ด เท่านั้น โดยสามารถทานซ้ำได้หากยังไม่ดีขึ้น โดยเว้นระยะเวลา 4-6 ชั่วโมง
- ใช้เพื่อแก้อักเสบ ผู้ใหญ่ ให้ใช้วันละ 3-6 กรัม / วัน โดยให้แบ่งรับประทาน 3-4 ครั้ง
- ใช้เพื่อป้องกันลิ่มเลือดในหลอดเลือดสมองและหัวใจ ผู้ใหญ่ ให้ใช้ครั้งละ 75-325 มก. วันละครั้งหลังอาหารเช้าเป็นประจำทุกวัน
ข้อควรระวังในการใช้แอสไพริน
- แอสไพริน เป็นยาที่มีฤทธิ์ยับยั้งการจับตัวของเกล็ดเลือด จึงทำให้เลือดออกง่าย ดังนั้นจึงควรหลีกเลี่ยงใช้ยาตัวนี้กับผู้ที่มีความเสี่ยงต่อภาวะเลือดออก เช่น ผู้ที่เป็นไข้เลือดออก ผู้ที่เป็นโรคเลือดต่างๆ ผู้ที่ผ่าตัด ผู้ที่ถอนฟัน ผู้ที่เป็นความดันโลหิตสูง เป็นต้น
- ควรรับประทาน “แอสไพริน” หลังอาหารหรือรับประทานพร้อมนม และควรดื่มน้ำตามมากๆ เนื่องจากยามีฤทธิ์ที่ทำให้ระคายเคืองต่อกระเพาะอาหาร ซึ่งอาจทำให้เกิดแผลเพ็ปติก กระเพาะอาหารอักเสบ คลื่นไส้อาเจียน โดยเฉพาะอาการคลื่นไส้อาเจียนจะพบได้บ่อยในหมู่กลุ่มผู้ใช้ยา “แอสไพริน”
- ยาแอสไพริน อาจทำให้เกิดอาการแพ้ หรือ ทำให้โรคภูมิแพ้กำเริบ หรือ ทำให้ช็อกได้
- การใช้ยาในขนาดสูง อาจทำให้เกิดพิษต่อร่างกาย โดยเฉพาะกับเด็ก และอาจทำให้หูอื้อได้
- ควรหลีกเลี่ยงใช้ร่วมกับยาแก้อักเสบชนิดอื่นๆ และแอลกอฮอล์ เพราะอาจจะทำให้เสริมฤทธิ์ที่ทำให้ระคายเคืองต่อกระเพาะอาหารมากขึ้นได้
- ไม่ควรใช้ร่วมกับยามเม็ดรักษาเบาหวาน และสารกันลิ่มเลือดอื่นๆ เช่น เฮพาริน วาร์ฟาริน เพราะจะทำให้สารเหล่านี้ออกฤทธิ์แรงมากขึ้นจนอาจทำให้เกิดอันตรายได้
- หลีกเลี่ยงการใช้ “แอสไพริน” ในผู้ป่วยโรคเกาต์ เพราะอาจทำให้โรคเกาต์กำเริบได้
ข้อห้ามในการใช้ยาแอสไพริน
ข้อห้ามดังต่อนี้ เป็นการพูดถึงผู้ป่วยหรือบุคคลต้องห้ามในการใช้ “แอสไพริน” เพราะอาจทำให้เกิดผลข้างเคียงที่ค่อนข้างอันตรายได้ ดังนั้นผู้ป่วยหรือบุคคลต่อไปนี้ จึงไม่ควรใช้ยานี้เป็นอันขาด
- ผู้ป่วยที่เป็นโรคแผลเพ็ปติก หรือเคยมีประวัติเลือดออกในกระเพาะอาหาร
- ผู้ที่มีประวัติการแพ้ยาชนิดนี้ หรือ ยาแก้อักเสบที่ไม่ใช่สตีรอยด์อื่นๆ
- ผู้ป่วยโรคหืด ลมพิษ ภูมิแพ้ ที่เคยมีอาการแพ้หรือกำเริบเมื่อใช้ “ยาแอสไพริน”
- ผู้ป่วยที่มีภาวะเลือดออกง่าย หรือ เป็นโรคเกี่ยวกับเลือดอื่นๆ
- ไม่ควรใช้กับเด็กที่อายุต่ำกว่า 6 ปี และไม่ควรใช้กับผู้ป่วยที่อายุต่ำกว่า 19 ปี ที่เป็นโรคไข้หวัด ไข้หวัดใหญ่ อีสุกอีใส หัด คางทูม เป็นต้น เพราะอาจทำให้เกิดภาวะที่เป็นอันตรายได้
- สตรีที่ตั้งครรภ์ เพราะอาจทำให้ตกเลือดได้ง่าย และอาจทำให้ทารกมีภาวะเลือดออกง่ายได้เช่นกัน อีกทั้งยังอาจทำให้คลอดได้ยาก โดยเฉพาะเมื่อใช้ “ยาแอสไพรินในช่องก่อนคลอด 1-2 สัปดาห์”
แอสไพริน (Aspirin) เป็นยาที่มีสรรพคุณเพื่อลดไข้แก้ปวดเหมือนกับยาชนิดอื่นๆ ในกลุ่มยาแก้ปวดลดไข้ก็จริง แต่การใช้ “แอสไพริน” ก็ยังมีข้อควรระวังและข้อห้ามในการใช้ยาอยู่เช่นกัน ดังนั้นผู้ที่จะใช้ยาชนิดนี้ ควรปรึกษาแพทย์ หรือศึกษาคู่มือการใช้ยาและรายละเอียดต่างๆ ในการใช้ให้ดี