ไอบูโพรเฟน (Ibuprofen) คือหนึ่งในตัวยาที่ไว้ใช้ต้านอาการอักเสบที่ไม่ใช่สตีรอยด์ ซึ่งมีผลิตออกมาจำหน่ายตามร้านขายยาอยู่หลายยี่ห้อด้วยกัน อาทิ บรูเฟน (Brufen) บรูเมด (Brumed) ไอโบรเฟน (Ibrofen) โพรบูเฟน (Probufen) และ ไฮดิ (Heidi) เป็นต้น
สรรพคุณและวิธีใช้ “ยาไอบูโพรเฟน”
ไอบูโพรเฟน เป็นตัวยาที่มีสรรพคุณหลักในการรักษา คือ ใช้แก้อาการอักเสบของโรคข้ออักเสบ โรคปวดข้อรูมาตอยด์ ข้อเสื่อม ข้อสันหลังอักเสบ เกาต์ ลดอาการอักเสบของเส้นเอ็นและกล้ามเนื้อส่วนต่างๆ ของร่างกาย นอกจากเป็นยาที่ไว้ใช้รักษาอาการอักเสบแล้ว ยังมีสรรพคุณในการรักษาอาการปวดที่เกิดขึ้นจากโรคต่างๆ ในข้างต้น และยังช่วยบรรเทาอาการปวดประจำเดือนและไมเกรนอีกด้วย โดยยาชนิดนี้มีการผลิตออกมาเป็น 2 ชนิด หรือ 2 รูปแบบด้วยกัน คือ
- ไอบูโพรเฟนชนิดเม็ดขนาด 200 มิลลิกรัม และขนาด 400 มิลลิกรัม
- ไอบูโพรเฟนชนิดน้ำเชื่อม
ในการใช้ยา “ไอบูโพรเฟน” จะแบ่งออกตามลักษณะของอาการที่ต้องใช้ยาอยู่ 3 ลักษณะด้วยกัน ซึ่งแต่ละอาการก็จะมีวิธีการใช้และขนาดที่แตกต่างกัน โดยในผู้ใหญ่จะใช้ยาชนิดเม็ดส่วนเด็กจะใช้ยาชนิดน้ำเชื่อม ซึ่งแต่ละอาการจะมีการใช้ยาในปริมาณที่แตกต่างกันดังต่อไปนี้
- ใช้เพื่อแก้อักเสบตามข้อ เส้นเอ็นและกล้ามเนื้อ โดยผู้ใหญ่ให้ใช้ครั้ง 400-800 มิลลิกรัม หลังอาหาร วันละ 3-4 ครั้ง โดยในหนึ่งวันไม่ควรใช้เกิน 4 ครั้ง หรือใช้เกินขนาด 3200 มิลลิกรัม หรือ 3.2 กรัม และในเด็กให้ใช้ครั้งละ 30-50 มิลลิกรัม ทุกๆ 8 ชั่วโมง และไม่ควรใช้เกิน 3 ครั้งต่อวัน หรือไม่เกิน 250 มิลลิกรัมต่อวัน โดยควรรับประทานหลังอาหารหรือให้ดื่มนมก่อนรับประทาน เนื่องจากยามีฤทธิ์ทำให้ระคายเคืองต่อกระเพาะอาหาร
- ผู้ป่วยโรคเกาต์ ที่อยู่ในระยะข้ออักเสบเฉียบพลัน ให้รับประทานครั้งละ 800 มิลลิกรัม ทุกๆ 8 ชั่วโมง โดยรับประทานจนกว่าอาการจะทุเลา
- ใช้เพื่อบรรเทาอาการปวดประจำเดือนและไมเกรน โดยผู้ใหญ่ให้ใช้ครั้งละ 200-400 มิลลิกรัมต่อครั้ง และให้ใช้ซ้ำถ้าหากอาการยังไม่ดีขึ้น โดยให้เว้นระยะเวลาระหว่างครั้งประมาณ 4-6 ชั่วโมง และในหนึ่งวันไม่ควรรับประทานเกิน 1200 มิลลิกรัม ส่วนเด็กที่มีอายุระหว่าง 6 เดือน ถึง 12 ปี ให้ใช้ขนาด 4-10 มิลลิกรัมต่อครั้ง โดยในแต่ละครั้งให้เว้นระยะเวลาประมาณ 6-8 ชั่วโมงและไม่ควรใช้เกินวัน 40 มิลลิกรัม
ข้อควรระวังและผลข้างเคียงในการใช้ “ยาไอบูโพรเฟน”
- ไอบูโพรเฟน เป็นตัวยาที่ห้ามใช้กับผู้ที่เคยมีประวัติการแพ้ยาและผู้ที่ป่วยเป็นโรคหอบหืด ลมพิษ ภูมิแพ้ หญิงตั้งครรภ์ระยะที่ 3 ผู้ที่เป็นโรคแผลเพ็ปติก หรือผู้ที่แพ้ยาตัวอื่นๆ ที่อยู่ในกลุ่มยาต้านอักเสบที่ไม่ใช่สตีรอยด์
- ไม่ควรใช้ยาตัวนี้ (ไอบูโพรเฟน) กับผู้ป่วยโรคตับแข็ง ไตวายและหัวใจวาย หรือถ้าต้องใช้จริงๆ ก็ควรใช้อย่างระมัดระวังมากที่สุด เพราะอาจส่งผลให้โรคดังกล่าวกำเริบได้
- หลีกเลี่ยงการใช้ยาตัวนี้ (ไอบูโพรเฟน) ร่วมกับยาตัวยาแอสไพริน ตัวยาที่เป็นสตีรอยด์ และแอลกอฮอล์ เนื่องจากอาจทำให้เกิดการเสริมฤทธิ์ยาที่ส่งผลต่อกระเพาะอาหาร
- ยาตัวนี้ (ไอบูโพรเฟน) อาจทำให้เกิดอาการระคายเคืองกระเพาะอาหาร ดังนั้นจึงควรรับประทานอาหารก่อนรับประทานยาเพื่อช่วยลดอาการระคายเคือง
- อาจทำให้มีอาการปวดศีรษะ เวียนศีรษะ เสียงดังในหู ตามัว คลื่นไส้ อาเจียน ปวดท้อง ง่วงซึม อ่อนเพลีย เป็นต้น
- ผู้ที่แพ้ยาตัวนี้ (ไอบูโพรเฟน) อาจทำให้เกิดอาการผื่นคันและช็อกได้
- อาจส่งผลให้เม็ดเลือดขาวต่ำ โลหิตจาง และเกล็ดเลือดต่ำ
- ไอบูโพรเฟน เป็นตัวยาที่ไม่ควรใช้ต่อเนื่องเป็นระยะเวลานาน เพราะอาจทำให้เกิดภาวะตับอักเสบและภาวะไตวายได้
ไอบูโพรเฟน เป็นหนึ่งในตัวยาที่ไม่ควรหาซื้อมาใช้เอง ดังนั้น หากคุณมีความจำเป็นต้องการใช้ยาตัวนี้ (ไอบูโพรเฟน) จริงๆ ก็ควรไปพบแพทย์และรับยาจากแพทย์หรือไม่ก็ให้แพทย์เขียนใบสั่งยา “ไอบูโพรเฟน” มาให้เพื่อนำไปซื้อ